ข้อตกลงระดับบริการ (SLA)
2025-11-5
1. คำจำกัดความของกระบวนการ (Definitions of Process)
1.1 ข้อตกลง (Agreement)
หมายถึงเอกสารฉบับนี้ทั้งหมด (ข้อกำหนดและเงื่อนไข) รวมถึงรายละเอียดทั้งหมดในข้อเสนอการพัฒนา (Development Proposal) และสเปกค่าใช้จ่าย (Cost Specs)
1.2 ลูกค้า (Customer)
บุคคลหรือบริษัทที่ว่าจ้างหรือซื้อบริการจาก Account Clinic
1.3 สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Rights)
ได้แก่ ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และสิทธิในการปกป้องผลงานสร้างสรรค์หรือสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ
1.3.1 ข้อกำหนด/สเปกงาน (Specification)
เอกสารใด ๆ ที่อธิบายบริการที่ Account Clinic จะให้ เช่น ข้อเสนอ ใบเสนอราคา หรือเอกสารรายละเอียดโครงการ
1.3.2 วันที่ยอมรับผลงาน (Acceptance Date)
วันที่ลูกค้าอนุมัติผลงานซอฟต์แวร์ขั้นสุดท้าย
1.3.3 การทดสอบการยอมรับ (Acceptance Tests)
การทดสอบที่อธิบายไว้ในสเปก เพื่อยืนยันว่าซอฟต์แวร์ทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้
1.4 บริการเพิ่มเติม (Additional Services)
งานใด ๆ ที่ลูกค้าขอเพิ่มจาก Account Clinic นอกเหนือจากสิ่งที่ระบุไว้ในข้อตกลงต้นฉบับ
1.5 ค่าบริการสนับสนุนรายปี (Annual Support Fee)
ค่าบริการเสริมรายปีสำหรับการช่วยเหลือหลังส่งมอบซอฟต์แวร์
1.6 คำขอเปลี่ยนแปลง (Change Request)
เอกสารอย่างเป็นทางการที่ขอแก้ไขแผนโครงการ ซอฟต์แวร์ หรือสิ่งที่ต้องส่งมอบให้ลูกค้า
1.7 ข้อมูลลับ (Confidential Information)
ข้อมูลทางธุรกิจ การเงิน เทคโนโลยี หรือต่าง ๆ ที่เป็นความลับของแต่ละฝ่าย
1.8 สิ่งที่ต้องส่งมอบ (Deliverables)
ซอฟต์แวร์ คู่มือ และบริการต่าง ๆ ที่ Account Clinic ต้องจัดส่งตามข้อตกลง
1.9 แผนโครงการ (Project Plan)
กำหนดเวลาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ใช้เป็นแนวทางดำเนินโครงการ
1.10 การใช้งานจริง (Live Operational Use)
เมื่อซอฟต์แวร์ถูกนำไปใช้งานในธุรกิจของลูกค้าจริง
1.11 การใช้งานผิดวัตถุประสงค์ (Mis-use)
การใช้ซอฟต์แวร์ในรูปแบบที่ไม่เป็นไปตามเจตนาหรือข้อตกลงที่กำหนดไว้
1.12 กำหนดการชำระเงิน (Payment Schedule)
ตารางการชำระเงินตามที่ระบุไว้ในเอกสารสเปก
1.13 วันที่คาดว่าจะยอมรับผลงาน (Planned Acceptance Date)
วันที่คาดการณ์ในแผนโครงการสำหรับการอนุมัติผลงานของลูกค้า
1.14 ราคา (Price)
ราคาคงที่รวมทั้งหมดสำหรับสิ่งที่ Account Clinic จะส่งมอบตามข้อตกลง
1.15 โครงการ (Project)
กระบวนการทั้งหมดในการพัฒนา ส่งมอบ และทดสอบซอฟต์แวร์ รวมถึงสิ่งที่ต้องส่งมอบอื่น ๆ
1.16 อัตราค่าบริการ (Rates)
อัตราค่าบริการรายชั่วโมงหรือรายวันที่ Account Clinic กำหนดไว้ในข้อตกลง
1.17 ซอฟต์แวร์ (Software)
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ Account Clinic พัฒนาหรือปรับแต่งให้ลูกค้า ตามที่ระบุในข้อตกลง
1.18 อุปกรณ์ที่กำหนด (Specified Equipment)
คอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่จำเป็นสำหรับการใช้งานซอฟต์แวร์
1.19 เวลาทำงานมาตรฐาน (Standard Working Hours)
เวลาทำงานของ Account Clinic คือ 09:00–18:00 (UTC+7) วันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
1.20 ระบบ (System)
การรวมกันของอุปกรณ์ที่กำหนดและซอฟต์แวร์
1.21 ระยะประกันผลงาน (Warranty Period)
ระยะเวลา 3 เดือนหลังจากลูกค้ายอมรับผลงาน ซึ่ง Account Clinic จะดำเนินการแก้ไขปัญหาใด ๆ ให้
2. คำจำกัดความของความเสร็จสมบูรณ์ (Definition of Done)
โครงการแบ่งออกเป็นหลายเฟสอย่างเป็นโครงสร้าง แต่ละเฟสจะถือว่า “เสร็จสมบูรณ์ (Done)” เมื่อได้ส่งมอบงานทั้งหมดตามที่กำหนด ตรวจสอบแล้ว และลูกค้าได้ยืนยันอย่างเป็นทางการผ่านเอกสารการยอมรับ (Sign-Off) เรียบร้อยแล้ว โดยมีเกณฑ์ของแต่ละเฟสดังต่อไปนี้:
2.1 เฟสเตรียมความพร้อม (Preparation Phase)
มีการประชุม Kickoff ระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของทั้งลูกค้าและ Account Clinic
ชี้แจงเป้าหมายโครงการ ไทม์ไลน์ ช่องทางการสื่อสาร และความรับผิดชอบของทีม
ลูกค้ายืนยันข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับเริ่มโครงการ
2.2 เฟสตั้งค่า (Configuration Phase)
ตั้งค่าโมดูลมาตรฐาน
เตรียมข้อมูลตัวอย่างหรือข้อมูลเทมเพลต (ถ้ามี)
ตั้งค่าระดับสิทธิ์การเข้าถึงและกลุ่มผู้ใช้งานเบื้องต้น
2.3 เฟสดำเนินการติดตั้ง (Implementation Phase)
ตั้งค่าระบบให้สอดคล้องกับกฎหมายไทยหรือความต้องการเฉพาะของธุรกิจ
Account Clinic ทดสอบระบบภายใน
ส่งมอบให้ลูกค้าทดสอบ
2.4 เฟสส่งมอบโครงการ (Project Delivery Phase)
ลูกค้าลงนามเอกสาร UAT Sign-Off เพื่อยืนยันว่าระบบทำงานถูกต้องตาม Test Scenario
ลูกค้าฝึกอบรมผู้ใช้งานภายในและลงนาม Training Sign-Off ที่จัดโดย Account Clinic
ลูกค้าลงนาม Go Live Sign-Off เพื่อยืนยันความพร้อมสำหรับใช้งานจริงและเปลี่ยนไปสู่ระบบ Live
ส่งมอบเอกสารให้ลูกค้า
2.5 เฟสบำรุงรักษาและบริการ (Maintenance & Service Phase)
เริ่มการสนับสนุนแบบ Ticketing หรือรูปแบบ SLA อย่างเป็นทางการ
จัดเตรียมสิทธิ์และการเข้าถึงสำหรับทีมซัพพอร์ต
3. ข้อกำหนดทั่วไป
3.1 ข้อกำหนดเหล่านี้ใช้กับข้อตกลงใด ๆ ที่ Account Clinic ให้บริการแก่คุณ (ลูกค้า)
3.2 ก่อนเริ่มงาน Account Clinic จะส่งข้อเสนอและรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ระบุบริการและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้คุณ โปรดแจ้งให้เราทราบทันทีหากคุณไม่เห็นด้วยกับสิ่งใด ข้อเสนอและรายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
3.3 Account Clinic จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้งานเสร็จภายในระยะเวลาที่ประเมินไว้ แต่กำหนดเส้นตายนั้น ไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญสำหรับโครงการนี้
4. โครงการ
4.1 Account Clinic จะให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์แก่ลูกค้าเพื่อสร้างซอฟต์แวร์และสิ่งส่งมอบอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในเอกสารคุณลักษณะ (Specification) โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงนี้อย่างเคร่งครัด
4.2 Account Clinic จะส่งมอบสิ่งส่งมอบ (Deliverables) ให้แก่ลูกค้าหลังจากได้รับชำระเงินเต็มจำนวนสำหรับสิ่งส่งมอบนั้น หรือในกรณีที่มีการส่งมอบเป็นเฟส จะส่งมอบเมื่อได้รับชำระเงินเต็มจำนวนสำหรับเฟสนั้น ๆ
4.3 เว้นแต่จะระบุไว้โดยชัดแจ้งใน Specification Account Clinic จะไม่รับผิดชอบต่อบริการเพิ่มเติมใด ๆ เช่น ซอฟต์แวร์ การผสานระบบ การแปลงข้อมูล การนำเข้าข้อมูล และการฝึกอบรม
4.4 เพื่อความชัดเจน Account Clinic จะไม่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าในกรณีใด ๆ ต่อการสำรองข้อมูลหรือการเก็บถาวรของซอฟต์แวร์หรือข้อมูลใด ๆ ที่ใช้โดยซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เป็นของลูกค้าหรือผู้ให้บริการโฮสติ้งที่ลูกค้ากำหนด
5. หน้าที่ของลูกค้า
5.1 ความรับผิดชอบของลูกค้า:
5.1.1 ให้สิทธิ์เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และทรัพยากรที่จำเป็นแก่ Account Clinic โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง อุปกรณ์ที่ระบุไว้ (ทั้งที่ใช้งานในสถานที่ของลูกค้าและที่ Account Clinic สามารถเข้าถึงจากระยะไกล), ไฟฟ้า, วัสดุอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์ และทรัพยากรสำนักงาน/งานธุรการ ทั้งนี้ทรัพยากรดังกล่าวต้องเพียงพอเพื่อให้ Account Clinic สามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามข้อตกลงนี้ได้
5.1.2 จัดหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามความจำเป็นเพื่อให้ Account Clinic สามารถปฏิบัติงานตามข้อตกลงนี้ โดยลูกค้าจะต้องทำให้แน่ใจว่าพนักงานและผู้รับเหมาช่วง (ถ้ามี) ของตนให้ความร่วมมือกับ Account Clinic และทีมงานอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลาโครงการ
5.1.3 จัดส่งข้อมูลและเอกสารทั้งหมดที่ Account Clinic เห็นว่าจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลต่อการปฏิบัติงานตามข้อตกลงนี้โดยทันที
5.1.4 ตรวจสอบให้มีตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้าที่สามารถติดต่อได้ตามความจำเป็นตามที่ Account Clinic ร้องขอเพื่อการดำเนินโครงการ
5.1.5 ใช้ความพยายามอย่างเหมาะสมเพื่อให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ Account Clinic ตามที่จำเป็นเพื่อให้ Account Clinic สามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงนี้
5.2 สิทธิในการออกคำขอเปลี่ยนแปลง (Change Request):
Account Clinic ขอสงวนสิทธิ์ในการออกคำขอเปลี่ยนแปลงหากเกิดความล่าช้าในโครงการอันเนื่องมาจากการที่ลูกค้าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนตามข้อตกลงนี้ สิทธินี้ยังครอบคลุมถึงความล่าช้าที่เกิดจากการกระทำหรือการละเลยของพนักงาน ตัวแทน หรือผู้ให้บริการบุคคลที่สามของลูกค้า รวมถึงเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ Account Clinic
5.3 ข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์และการยอมรับ:
ลูกค้ารับทราบว่า ตามหลักคำพิพากษาทางกฎหมาย ซอฟต์แวร์อาจมีข้อบกพร่องหรือปัญหาเล็กน้อยได้ แม้ว่าจะได้รับการพัฒนาและดูแลอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม การยอมรับสิ่งส่งมอบ (Deliverables) ภายใต้ข้อตกลงนี้จะต้องไม่ถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเหตุผลด้วยเหตุจากข้อบกพร่องเล็กน้อยของซอฟต์แวร์
5.4 การยอมรับสิ่งส่งมอบและความล่าช้า:
ลูกค้ารับทราบว่าสิ่งส่งมอบทั้งหมดที่จัดทำโดย Account Clinic หรือบุคคลที่สามที่ Account Clinic จ้างสำหรับโครงการนี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการดำเนินการตามแผนโครงการให้เป็นไปตามกำหนด ลูกค้ายอมรับความรับผิดชอบเต็มที่ต่อความล่าช้าจากการไม่ยอมรับสิ่งส่งมอบภายในเวลาที่กำหนด
6. การทดสอบการยอมรับผลงาน (Acceptance Tests)
6.1 หน้าที่ของลูกค้าในการทดสอบการยอมรับผลงาน: ลูกค้าจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการดำเนินการทดสอบการยอมรับผลงาน (Acceptance Tests)
6.2 การยอมรับซอฟต์แวร์: เมื่อซอฟต์แวร์ผ่านการทดสอบการยอมรับผลงานเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าต้องดำเนินการยอมรับซอฟต์แวร์และลงนามในหนังสือรับรองการยอมรับ (Acceptance Certificate) ของ Account Clinic โดยไม่ล่าช้าเกินสมควร
6.3 การทดสอบใหม่เมื่อไม่ผ่านการทดสอบ: หากซอฟต์แวร์ไม่ผ่านการทดสอบการยอมรับผลงาน ลูกค้าต้องร่วมมือกับ Account Clinic เพื่อดำเนินการทดสอบใหม่ทันทีหลังจากได้รับซอฟต์แวร์ที่แก้ไขแล้ว การทดสอบนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าซอฟต์แวร์จะผ่านการทดสอบทั้งหมด
6.4 การถือว่ายอมรับเมื่อเริ่มใช้งานจริง: หากลูกค้าเริ่มใช้งานจริง (Live Operational Use) ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน โดยตนเองหรือโดยตัวแทน ผู้รับเหมา หรือผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาต จะถือว่าลูกค้าได้ยอมรับซอฟต์แวร์โดยสมบูรณ์แล้ว
6.5 การถือว่ายอมรับเมื่อมีการเผยแพร่ใช้งาน: หากลูกค้าเผยแพร่ซอฟต์แวร์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยพนักงาน ตัวแทน ผู้รับเหมา หรือผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาต จะถือว่าลูกค้าได้ยอมรับซอฟต์แวร์โดยสมบูรณ์แล้ว
6.6 การถือว่ายอมรับเมื่อไม่มีการแจ้งปัญหา: หากพ้นระยะเวลา 1 เดือนหลังการส่งมอบซอฟต์แวร์ และ Account Clinic ไม่ได้รับรายงานข้อบกพร่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขซึ่งแสดงให้เห็นว่าซอฟต์แวร์ไม่ผ่านการทดสอบการยอมรับ จะถือว่าลูกค้าได้ยอมรับซอฟต์แวร์โดยสมบูรณ์แล้ว
6.7 เอกสารทดสอบการยอมรับผลงานที่พัฒนาจากลูกค้า: ลูกค้าต้องจัดทำชุดคำสั่งทดสอบการยอมรับผลงาน (Acceptance Test scripts) ที่ครอบคลุมและสะท้อนข้อกำหนดที่ระบุใน Specification อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งจัดเตรียมข้อมูลทดสอบที่เหมาะสม เอกสารและข้อมูลดังกล่าวต้องส่งให้ Account Clinic ไม่น้อยกว่า 1 เดือนก่อนวันที่เริ่มทดสอบที่ระบุในแผนโครงการ
7. ผู้แทนโครงการและการประชุมความคืบหน้า
7.1 การแต่งตั้งผู้แทน: เมื่อข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ แต่ละฝ่ายต้องแต่งตั้งผู้แทนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อทำหน้าที่แทนฝ่ายของตนภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้แทนดังกล่าวต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่ออีกฝ่ายเพื่อให้อีกฝ่ายสามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามข้อตกลงได้
7.2 การประชุมโครงการ: ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดประชุมเป็นประจำ ไม่ว่าจะพบกันด้วยตนเองหรือผ่านการประชุมทางไกล ตามที่ตกลงร่วมกัน โดยมีผู้แทนของแต่ละฝ่ายเข้าร่วม การประชุมต้องจัดอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง (หรือความถี่อื่นที่ตกลงร่วมกัน) นับตั้งแต่วันที่สัญญามีผลจนถึงวันที่ยอมรับผลงานตามแผน ทั้งนี้เพื่อหารือและบันทึกความคืบหน้าของโครงการ
7.3 การบริหารจัดการประเด็นในโครงการ: ผู้แทนของ Account Clinic จะจัดทำบันทึกปัญหา ความเสี่ยง และการดำเนินการต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการอย่างละเอียด ผู้แทนของลูกค้าต้องใช้ความระมัดระวังและให้ความร่วมมือกับผู้แทนของ Account Clinic เพื่อบรรเทาความเสี่ยง แก้ไขปัญหา และดำเนินการที่จำเป็นภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม
8. การสนับสนุน (Support)
8.1 บริการสนับสนุนประจำปี (Annual Support Services):
8.1.1 เมื่อมีการชำระค่าบริการสนับสนุนประจำปี (Annual Support Fee) Account Clinic จะให้บริการสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับซอฟต์แวร์แก่ลูกค้า โดยเริ่มนับจากวันเริ่มต้นการสนับสนุน (Support Commencement Date) การสนับสนุนนี้จะต่ออายุโดยอัตโนมัติในแต่ละรอบปี เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยกเลิกตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้
8.1.2 บริการสนับสนุนทางเทคนิคประกอบด้วย:
8.1.2.1 Help Desk: Account Clinic จะให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมเกี่ยวกับการติดตั้ง การใช้งาน การแก้ไขปัญหา และการแก้ไขข้อขัดข้องของซอฟต์แวร์ รวมถึงตอบคำถามหรือข้อสงสัยด้านการสนับสนุนจากลูกค้า
8.1.2.2 การแก้ไขข้อผิดพลาด (Error Correction): Account Clinic จะจัดการกับข้อผิดพลาดสำคัญหรือให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาเฉพาะของซอฟต์แวร์ โดยอยู่ในดุลยพินิจของ Account Clinic ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการออก Patch ใหม่ของซอฟต์แวร์
8.2 หน้าที่ของลูกค้าในการขอรับการสนับสนุน:
เพื่อรับการสนับสนุน ลูกค้าต้องส่งคำอธิบายปัญหาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างละเอียด รวมถึงสถานการณ์ที่ปัญหาเกิดขึ้น และต้องจัดเตรียมข้อมูลหรือวัสดุที่จำเป็น เช่น ภาพหน้าจอหรือ Log files ตามที่ Account Clinic ร้องขอ เพื่อให้ทีมสนับสนุนสามารถจำลองปัญหาได้ ลูกค้าต้องให้สิทธิ์เข้าถึงระบบที่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ปัญหา
8.3 ระยะเวลาเริ่มต้นการตอบกลับ:
เวลาการตอบกลับตามข้อ 9.4 จะเริ่มนับเมื่อ Account Clinic ได้รับข้อมูลและวัสดุทั้งหมดที่ร้องขอจากลูกค้าเกี่ยวกับปัญหานั้นครบถ้วนแล้ว
8.4 เป้าหมายระยะเวลาตอบกลับสำหรับปัญหา:
Account Clinic จะใช้ความพยายามทางการค้าอย่างเหมาะสมในการติดต่อกลับลูกค้า (ทางโทรศัพท์ อีเมล) ภายในเวลาที่กำหนดดังต่อไปนี้ในช่วงเวลาทำการที่ระบุ โดย "การตอบกลับ" หมายถึงการยืนยันว่ารับทราบปัญหาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ไขได้ทันที
| ความรุนแรงของปัญหา | รายละเอียด | ระยะเวลาตอบกลับ |
|---|---|---|
| System Failure | ผู้ใช้หลายรายไม่สามารถเข้าใช้งานระบบเพื่อทำงานตามปกติ | 4 ชั่วโมงทำการ |
| System Malfunction | ระบบใช้งานได้ แต่ฟังก์ชันบางส่วนไม่สมบูรณ์ | 24 ชั่วโมงทำการ |
| Impaired Operation | ระบบทำงานช้าหรือมีปัญหาการพิมพ์ แต่ฟังก์ชันหลักยังใช้งานได้ | 32 ชั่วโมงทำการ |
| Data Issues | ระบบทำงานปกติ แต่แสดงข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือผู้ใช้บางรายไม่สามารถเข้าใช้งานได้ | 48 ชั่วโมงทำการ |
8.5 ชั่วโมงให้บริการสนับสนุน:
Account Clinic จะตอบกลับการแจ้งปัญหาในช่วงเวลาทำการมาตรฐาน (Standard Working Hours)
8.6 วิธีการให้บริการสนับสนุน:
บริการสนับสนุนทั้งหมดจะให้ผ่านวิธีการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์หรือทางไกลเท่านั้น การเข้าไปให้บริการ ณ สถานที่จริง (On-site) ไม่รวมอยู่ในขอบเขตของข้อตกลงนี้
8.7 ข้อยกเว้นจากบริการสนับสนุน:
Account Clinic ไม่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนในกรณีต่อไปนี้:
8.7.1 ปัญหาที่เกิดจากการแก้ไขหรือปรับแต่งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต (รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฐานข้อมูล และการแก้ไขข้อมูลด้วยมือ)
8.7.2 ซอฟต์แวร์อื่นใดที่ไม่ใช่ซอฟต์แวร์ภายใต้ข้อตกลงนี้
8.7.3 การใช้งานซอฟต์แวร์อย่างไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงความผิดพลาดของผู้ใช้งาน
8.7.4 ความขัดข้องที่เกิดจากอุปกรณ์ที่ระบุไว้หรือฮาร์ดแวร์/เครือข่ายอื่น ๆ
8.7.5 โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์อื่นที่ใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ แต่ไม่ได้จัดหาโดย Account Clinic
8.7.6 การใช้ส่วนประกอบของซอฟต์แวร์ร่วมกับองค์ประกอบอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน
8.7.7 การใช้ซอฟต์แวร์กับฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ หรือซอฟต์แวร์สนับสนุนอื่นที่ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ระบุไว้
8.8 ขอบเขตของบริการสนับสนุน:
Account Clinic จะไม่รับผิดชอบในการให้บริการแก้ไขหรือสนับสนุนทางเทคนิคที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม แหล่งข้อมูล หรือข้อมูลภายนอกของลูกค้า
8.9 หน้าที่ของลูกค้าในการใช้งานซอฟต์แวร์และการสนับสนุน:
8.9.1 ลูกค้าต้องใช้งานซอฟต์แวร์ รักษาข้อมูล และบริหารฐานข้อมูลตามคำแนะนำทั้งหมดของ Account Clinic
8.9.2 เมื่อตกลงกันไว้ล่วงหน้า ลูกค้าต้องให้สิทธิ์ Account Clinic เข้าถึงสถานที่หรือระบบของลูกค้าในเวลาที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนงาน
8.10 ค่าบริการสนับสนุนประจำปีและการชำระเงิน:
ลูกค้าต้องชำระค่าบริการสนับสนุนประจำปีให้ Account Clinic ภายในหรือก่อนวันเริ่มต้นการสนับสนุน การให้บริการสนับสนุนจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อมีการชำระค่าบริการครบถ้วนแล้วเท่านั้น
8.11 การต่ออายุการสนับสนุนประจำปี:
หากลูกค้าไม่ต้องการต่ออายุการสนับสนุนโดยอัตโนมัติ ต้องแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรให้ Account Clinic ไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนวันครบรอบการเริ่มต้นการสนับสนุน มิฉะนั้นบริการจะถูกต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นรายปี
8.12 การยกเลิกบริการสนับสนุน:
ลูกค้ามีสิทธิ์ยกเลิกบริการสนับสนุนได้ทุกเมื่อในปีที่ยังอยู่ในระยะเวลาสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ค่าบริการสนับสนุนประจำปีจะไม่ถูกคืนไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน
8.13 การปรับขึ้นค่าบริการสนับสนุนประจำปี:
Account Clinic ขอสงวนสิทธิ์ปรับขึ้นค่าบริการสนับสนุนประจำปีสำหรับรอบถัดไป โดยจะต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 60 วันก่อนวันครบกำหนดต่ออายุ
9. สิทธิในทรัพย์สิน
9.1 การชดเชยความเสียหายด้านทรัพย์สินทางปัญญา:
9.1.1 Account Clinic ตกลงชดเชยและคุ้มครองลูกค้า จากค่าใช้จ่าย ข้อเรียกร้อง การเรียกค่าเสียหาย ภาระผูกพัน หรือความรับผิดใด ๆ (ไม่ว่าลักษณะใด) ที่เกิดจาก หรือเกี่ยวข้องกับ การเรียกร้องทางกฎหมายที่กล่าวหาว่า การใช้หรือครอบครองซอฟต์แวร์ของลูกค้าเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม ทั้งนี้ เงื่อนไขดังกล่าวใช้ได้ต่อเมื่อการละเมิดนั้นมิได้เกิดจากการกระทำโดยเจตนาหรือโดยตั้งใจของ Account Clinic
9.1.2 ลูกค้าต้องแจ้ง Account Clinic เป็นลายลักษณ์อักษรโดยทันที เมื่อได้รับทราบข้อกล่าวหาการละเมิดดังกล่าว และลูกค้าต้องไม่ยอมรับผิดหรือให้การยอมรับใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Account Clinic
9.1.3 ตามคำร้องขอและค่าใช้จ่ายของ Account Clinic ลูกค้าต้องมอบสิทธิให้ Account Clinic ดำเนินการต่อรอง หรือดำเนินคดีใด ๆ ที่เกิดจากข้อเรียกร้องดังกล่าว หรือจัดการระงับข้อพิพาท และ Account Clinic ต้องเข้ารับหน้าที่ในการดำเนินการดังกล่าวภายในสิบ (10) วันทำการ นับจากวันที่ได้รับแจ้งข้อเรียกร้อง และต้องดำเนินการเจรจาแก้ไขอย่างขยันขันแข็ง
9.1.4 ลูกค้าต้องให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ Account Clinic ในการต่อรองหรือดำเนินคดีตามที่ร้องขอ และ Account Clinic จะชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมทั้งหมดให้แก่ลูกค้าตามที่มีการเรียกร้อง
9.2 การแก้ไขกรณีการละเมิด
หากศาลที่มีอำนาจตัดสินเห็นว่า การใช้หรือครอบครองซอฟต์แวร์ของลูกค้า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของซอฟต์แวร์ ภายใต้ข้อตกลงนี้ เป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม Account Clinic ต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร็วและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยจะต้อง:
9.2.1 จัดหาสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลูกค้าสามารถใช้และครอบครองซอฟต์แวร์ หรือส่วนที่มีการละเมิดต่อไปได้
9.2.3 ปรับปรุงหรือเปลี่ยนซอฟต์แวร์ (หรือส่วนที่มีการละเมิด) เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิด โดยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของซอฟต์แวร์
9.3 การยกเลิกสัญญาในกรณีไม่อาจแก้ไขการละเมิดได้
หากตามดุลยพินิจของ Account Clinic เห็นว่าการแก้ไขปัญหาตามข้อ 13.2 ไม่สามารถทำได้ ลูกค้าต้องส่งคืนซอฟต์แวร์ที่เป็นข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ Account Clinic และ Account Clinic จะคืนเงินส่วนของราคา (Price) ที่เกี่ยวข้องให้แก่ลูกค้า โดยหักค่าเสื่อมราคาตามมาตรฐาน และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงทันที
10. ค่าบริการและค่าใช้จ่าย
10.1 การชำระค่าบริการโครงการ (Project Services):
เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการที่ Account Clinic ดำเนินงานตามโครงการ ลูกค้าต้องชำระราคา (Price) ให้แก่ Account Clinic โดย Account Clinic จะออกใบแจ้งหนี้ตามสัดส่วนที่ระบุไว้ใน Specification และเป็นไปตามเงื่อนไขการชำระเงินที่กำหนดในข้อ 15
10.2 การชำระค่าบริการเพิ่มเติม (Additional Services):
สำหรับบริการเพิ่มเติมใด ๆ ที่ให้แก่ลูกค้า ลูกค้าต้องชำระเงินให้ Account Clinic ตามจำนวนเงินที่ออกใบแจ้งหนี้ โดยคิดตามอัตราค่าบริการ (Rates) ที่ระบุไว้ใน Specification
10.3 การชำระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (Out-of-Pocket Expenses):
เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นอย่างอื่น ลูกค้าต้องชดเชยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมทั้งหมดให้แก่ Account Clinic ซึ่งรวมถึงค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เจ้าหน้าที่ของ Account Clinic ใช้จ่ายในการปฏิบัติงานตามโครงการ โดยคิดค่าใช้จ่ายการเดินทางด้วยรถยนต์ในอัตรา 15 บาทต่อกิโลเมตรต่อเจ้าหน้าที่หนึ่งท่าน
11. เงื่อนไขการชำระเงิน
11.1 เงื่อนไขการชำระเงิน: ลูกค้าจะต้องชำระยอดเงินตามใบแจ้งหนี้ที่ค้างชำระให้แก่ Account Clinic ภายในสามสิบ (30) วันนับจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ เว้นแต่ทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นอย่างอื่น การชำระเงินทั้งหมดตามสัญญานี้จะต้องชำระเป็นสกุลเงินบาท
11.2 การปรับอัตราค่าบริการประจำปี: Account Clinic สงวนสิทธิ์ในการปรับอัตราค่าบริการ (Rates) ที่ระบุในสัญญานี้ในช่วงต้นของแต่ละปีถัดไป โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ซอฟต์แวร์ได้รับการยอมรับ (Acceptance Date) การปรับอัตราดังกล่าวเป็นไปตามดุลยพินิจของ Account Clinic
11.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): จำนวนเงินทั้งหมดที่ระบุไว้ในสัญญานี้ ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ลูกค้าต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่กฎหมายกำหนดเมื่อได้รับใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง
12. การยกเลิกสัญญา
12.1 ระยะเวลาของสัญญา
สัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์จนกว่าการดำเนินโครงการจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาแต่ละฝ่ายอาจยกเลิกสัญญาได้โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 45 (สี่สิบห้า) วันต่ออีกฝ่ายหนึ่ง นอกจากนี้ การยกเลิกสัญญาอาจเกิดขึ้นได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 17 นี้หรือที่กำหนดไว้ในส่วนอื่นของสัญญาฉบับนี้
12.2 การยกเลิกสัญญาเนื่องจากเหตุแห่งการผิดสัญญา (Termination for Cause)
คู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถยกเลิกสัญญานี้ได้ทันทีโดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่ออีกฝ่ายหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้:
12.2.1 อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการผิดสัญญาอย่างมีนัยสำคัญ หากการผิดสัญญานั้นสามารถแก้ไขได้ ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาจะต้องให้เวลาอีกฝ่ายหนึ่ง 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแก้ไขการผิดสัญญาดังกล่าว
12.2.2 อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งบริหารทรัพย์สิน ถูกแต่งตั้งให้มีผู้รับจัดการทรัพย์สิน ผู้รับบริหารทรัพย์สิน หรือเจ้าหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน หรือมีผู้รับจำนำ/ผู้รับจำนองเข้าครอบครองทรัพย์สินของตน หรืออีกฝ่ายหนึ่งทำข้อตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ หยุดดำเนินธุรกิจหรือขู่ว่าจะหยุดดำเนินธุรกิจ ล้มละลาย หรือมีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่สามารถชำระหนี้ได้เมื่อถึงกำหนด
12.3 การส่งคืนวัสดุและข้อมูลลับเมื่อมีการยกเลิกสัญญา
เมื่อสัญญานี้สิ้นสุดลง Account Clinic จะต้องส่งคืนให้ลูกค้าทันทีซึ่งวัสดุ เอกสาร และข้อมูลลับทั้งหมดที่เป็นของลูกค้า รวมถึงสำเนาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสำเนาบางส่วนหรือทั้งหมด และหากลูกค้าร้องขอ Account Clinic จะต้องทำลายวัสดุดังกล่าวและออกหนังสือรับรองการทำลายให้แก่ลูกค้า
12.4 ผลของการยกเลิกสัญญา
การยกเลิกใบอนุญาตหรือการยกเลิกสัญญาฉบับนี้ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด จะไม่กระทบต่อสิทธิหรือความรับผิดที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้เกิดขึ้นก่อนวันที่สัญญาสิ้นสุด นอกจากนี้ การยกเลิกสัญญาจะไม่กระทบต่อการบังคับใช้ของข้อกำหนดใด ๆ ที่มีเจตนาโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายให้ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปหลังการยกเลิกสัญญา
12.5 การคำนวณค่าใช้จ่ายหลังการยกเลิกสัญญา
ในกรณีที่มีการยกเลิกสัญญา Account Clinic จะประเมินเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าของโครงการโดยเทียบงานที่ทำเสร็จแล้วกับแผนงานโครงการ จากนั้นลูกค้าจะต้องชำระเงินให้กับ Account Clinic ตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์การทำงานที่แล้วเสร็จ Account Clinic จะจัดส่งหลักฐานการทำงานที่แล้วเสร็จให้แก่ลูกค้า เช่น การสาธิตการทำงานของระบบ หรือซอร์สโค้ด
13. การรักษาความลับ (Confidentiality)
13.1 หน้าที่ในการรักษาความลับ
13.1.1 ตลอดระยะเวลาที่สัญญานี้มีผลบังคับใช้และภายหลังจากนั้น คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติต่อข้อมูลลับทั้งหมดที่เป็นของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมถึงของลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือคู่ค้า ของอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นความลับ และต้องทำให้บุคลากรของตนปฏิบัติต่อข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับเช่นเดียวกัน
13.1.2 เว้นแต่เพื่อการให้บริการตามที่จำเป็นในการดำเนินโครงการ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่เปิดเผยหรือใช้ข้อมูลลับของอีกฝ่ายหนึ่ง ข้อจำกัดนี้รวมถึงบุคลากรของแต่ละฝ่ายเช่นเดียวกัน
13.2 ข้อยกเว้นในการรักษาความลับ
บทบัญญัติในข้อ 13.1 จะไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลลับดังต่อไปนี้:
13.2.1 การเปิดเผยให้กับพนักงานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีความจำเป็นโดยชอบธรรมต้องเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
13.2.2 การเปิดเผยต่อผู้สอบบัญชี เจ้าหน้าที่ศุลกากร หน่วยงานภาษีศุลกากร ศาลที่มีอำนาจ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่มีสิทธิ หน้าที่ หรือข้อผูกพันทางกฎหมายที่จะต้องทราบข้อมูลธุรกิจของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้จะเปิดเผยเฉพาะเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสิทธิ หน้าที่ หรือข้อผูกพันนั้น
13.3 การรักษาความลับโดยบุคคลภายนอกที่ได้รับข้อมูล
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องทำให้บุคคลหรือหน่วยงานที่ระบุในข้อ 18.2 ทราบถึงสถานะความลับของข้อมูลก่อนการเปิดเผย และบุคคลเหล่านั้นต้องยอมรับภาระหน้าที่ในการรักษาความลับต่ออีกฝ่ายหนึ่งด้วย
13.4 การแจ้งเหตุเมื่อมีการละเมิดความลับ
หากฝ่ายใดพบว่ามีการละเมิดข้อมูลลับโดยผู้รับข้อมูล ฝ่ายนั้นต้องรีบแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบทันที และต้องให้ความช่วยเหลืออย่างสมเหตุสมผลแก่ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดความลับดังกล่าว
13.5 การคงอยู่ของข้อผูกพันด้านความลับ
บทบัญญัติในข้อ 13 นี้ยังคงมีผลบังคับใช้แม้สัญญานี้สิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดตามข้อ 13.1 จะไม่มีผลบังคับใช้กับข้อมูลที่ได้กลายเป็นข้อมูลสาธารณะโดยชอบธรรม (แต่ไม่รวมถึงกรณีที่เกิดจากการเปิดเผยโดยมิชอบ)
13.6 การเป็นเจ้าของสิทธิในสิ่งประดิษฐ์และซอฟต์แวร์ที่พัฒนา
ไม่มีข้อใดในข้อ 13 นี้ห้ามไม่ให้ Account Clinic ใช้ประโยชน์ (Exploit) จากสิ่งประดิษฐ์หรือซอฟต์แวร์ใด ๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นในระหว่างระยะเวลาของสัญญานี้
14. การไม่ดึงตัวพนักงาน (Non-Solicitation of Employees)
14.1 ตลอดอายุของสัญญาฉบับนี้ และต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 12 (สิบสอง) เดือนหลังจากสัญญาสิ้นสุดลง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ชักชวน เสนอจ้างงาน หรือทำข้อเสนอใด ๆ ให้กับพนักงานของอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อน
14.2 คำว่า “จ้างงาน” (Employ) ตามข้อ 19.1 ให้หมายความรวมถึงการว่าจ้างบุคคลดังกล่าวให้ปฏิบัติงานในฐานะพนักงาน กรรมการ ผู้รับจ้าง หรือผู้รับเหมาช่วง ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานโดยตรงหรือโดยอ้อม รวมถึงการสรรหาผ่านบริษัทจัดหางานหรือบุคคล/นิติบุคคลอื่น
15. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection)
15.1 การปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) รวมถึงกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง ตามที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดและหน้าที่ตามสัญญานี้
15.2 ความรับผิดชอบของลูกค้าเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียวในการทำให้แน่ใจว่าการใช้งานซอฟต์แวร์ไม่ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีผลใช้บังคับอยู่ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความคลุมเครือ Account Clinic จะไม่รับผิดใด ๆ ทั้งสิ้นต่อการละเมิด หรือข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอันเกิดจากการใช้งานซอฟต์แวร์โดยลูกค้า
16. การตีความ (Interpretation)
16.1 กฎทั่วไปในการตีความ
ตลอดทั้งสัญญาฉบับนี้ ให้ตีความตามหลักการต่อไปนี้ เว้นแต่เนื้อหาจะกำหนดเป็นอย่างอื่น:
16.1.1 ข้อความที่สื่อถึงเพศหนึ่งเพศใด ให้หมายความรวมถึงทุกเพศ
16.1.2 คำที่ใช้ในรูปเอกพจน์ ให้หมายความรวมถึงพหูพจน์ และในทางกลับกัน
16.1.3 คำที่ใช้เรียกบุคคล ให้หมายความรวมถึงห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือนิติบุคคลอื่น และในทางกลับกัน
16.1.4 การอ้างอิงถึงข้อหรือภาคผนวกที่มีหมายเลข ให้หมายถึงข้อหรือภาคผนวกตามหมายเลขนั้นในสัญญาฉบับนี้
16.1.5 การอ้างอิงภายในภาคผนวกใดของสัญญานี้ถึงวรรคที่มีหมายเลข ให้หมายถึงวรรคที่มีหมายเลขดังกล่าวภายในภาคผนวกนั้น
16.1.6 หัวข้อที่ใช้สำหรับข้อ ภาคผนวก หรือวรรค ไม่มีผลต่อการตีความเนื้อหาของสัญญา
16.1.7 การอ้างถึงกฎหมายฉบับหนึ่งฉบับใด ให้หมายความรวมถึงกฎหมายดังกล่าวที่ได้ถูกแก้ไขเพิ่มเติม ทดแทน หรือออกใหม่ รวมทั้งกฎหมายลำดับรองหรือกฎระเบียบที่ออกภายใต้กฎหมายนั้น
16.1.8 ภาระผูกพันที่กำหนดให้คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งต้องไม่กระทำ หรือไม่ละเลยที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ให้หมายความรวมถึงภาระผูกพันที่จะต้องป้องกันมิให้การกระทำนั้น หรือการละเลยนั้นเกิดขึ้นด้วย
16.1.9 คู่สัญญาที่ตกลงจะกระทำการใด ให้ถือว่าปฏิบัติหน้าที่นั้นครบถ้วนแล้ว หากได้จัดให้มีการกระทำดังกล่าวให้สำเร็จโดยบุคคลอื่น
16.2 ลำดับความสำคัญในกรณีมีความขัดแย้ง
หากมีข้อขัดแย้งหรือความไม่ชัดเจนระหว่างบทบัญญัติในเนื้อหาหลักของสัญญานี้กับบทบัญญัติในภาคผนวก ให้ถือว่าบทบัญญัติในเนื้อหาหลักของสัญญามีผลบังคับเหนือกว่า
17. ความสัมพันธ์ของคู่สัญญา (Relationship of the Parties)
17.1 ความสัมพันธ์ในฐานะผู้รับจ้างอิสระ
สัญญาฉบับนี้ไม่ถือเป็น และไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในลักษณะหุ้นส่วน กิจการร่วมค้า ตัวแทน ความไว้วางใจ (fiduciary relationship) หรือความสัมพันธ์อื่นใดระหว่างคู่สัญญา นอกเหนือจากความสัมพันธ์ตามสัญญาที่ระบุไว้โดยชัดแจ้งในที่นี้
17.2 ความเป็นอิสระของผู้รับจ้าง
สัญญาฉบับนี้มิได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในลักษณะนายจ้าง-ลูกจ้างระหว่างลูกค้าและ Account Clinic หรือบุคลากรของ Account Clinic ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น และลูกค้าไม่มีอำนาจในการสั่งให้ Account Clinic หรือบุคลากรของ Account Clinic ปฏิบัติงานใด ๆ นอกเหนือจากขอบเขตงานที่ระบุไว้ในสัญญาฉบับนี้
18. ข้อตกลงทั้งหมดและการแก้ไขเพิ่มเติม (Entire Agreement and Modification)
18.1 ข้อตกลงทั้งหมด
สัญญาฉบับนี้ถือเป็นข้อตกลงทั้งหมดระหว่างคู่สัญญาเกี่ยวกับเรื่องที่ระบุไว้ในที่นี้ และมีผลยกเลิกการสื่อสาร คำรับรอง หรือข้อตกลงใด ๆ ก่อนหน้านี้หรือที่มีอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร
18.2 การแก้ไขเพิ่มเติม
18.2.1 สัญญาฉบับนี้จะไม่สามารถยกเลิก ปลดเปลื้อง เสริมความหมาย ตีความ แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงใด ๆ ได้ เว้นแต่จะทำโดยเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรที่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
18.2.2 การสละสิทธิ์ในข้อกำหนดใดของสัญญาฉบับนี้จะมีผลต่อเมื่อเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนามโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
18.2.3 วิธีการปฏิบัติงานหรือพฤติกรรมการดำเนินการใด ๆ ของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ถือว่าเป็นการแก้ไขสัญญานี้ หรือเป็นการสละสิทธิ์ข้อกำหนดใด ๆ ของสัญญานี้
18.2.4 หากมีความขัดแย้งระหว่างข้อกำหนดในสัญญาฉบับนี้กับภาคผนวกหรือเอกสารแนบท้ายใด ๆ ข้อกำหนดในสัญญาฉบับนี้ให้ถือว่ามีผลเหนือกว่า
19. การโอนสิทธิและหน้าที่ (Assignment)
19.1 ข้อห้ามทั่วไปในการโอนสิทธิ
สัญญาฉบับนี้มีผลผูกพันและเป็นประโยชน์ต่อคู่สัญญาและทายาทหรือผู้รับโอนที่ชอบด้วยกฎหมายของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อ 24.2 ด้านล่างนี้ คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถโอนสัญญานี้ หรือโอนสิทธิ ใบอนุญาต หรือข้อผูกพันใด ๆ ภายใต้สัญญานี้ ให้แก่บุคคลอื่นได้ หากไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากอีกฝ่ายหนึ่ง
19.2 ข้อยกเว้นต่อข้อห้ามในการโอนสิทธิ
19.2.1 อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถโอนสัญญาฉบับนี้ให้แก่กิจการใด ๆ ที่ได้มา ซึ่งหุ้น อาสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัญญานี้ของฝ่ายที่ทำการโอน นอกจากนี้ การโอนสามารถกระทำได้แก่กิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคู่สัญญา ฝ่ายที่ควบคุมคู่สัญญา หรือกิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมร่วมกับคู่สัญญา
19.2.2 การโอนสิทธิใด ๆ ที่ฝ่าฝืนข้อ 24 นี้ ให้ถือว่าเป็นโมฆะและไม่มีผลบังคับใช้
20. สัญญาทั้งฉบับและการมีผลเหนือกว่า (Entire Agreement and Supersession)
20.1 สัญญาทั้งฉบับ
สัญญาฉบับนี้ถือเป็นความเข้าใจและข้อตกลงทั้งหมดระหว่างคู่สัญญาเกี่ยวกับเรื่องที่ระบุไว้ในที่นี้ และมีผลเหนือกว่าการสื่อสาร คำรับรอง หรือข้อตกลงใด ๆ ที่เคยมีมาก่อนหรือเกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร
20.2 ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ก่อน (Pre-Existing Non-Disclosure Agreements)
20.3 ข้อผูกพันของคู่สัญญาภายใต้ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ยังคงมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ ตราบเท่าที่ไม่มีความขัดแย้งกับสัญญาฉบับนี้
20.4 การเชื่อถือคำรับรอง (Reliance on Representations)
20.5 คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรับรองและยืนยันว่าไม่ได้เข้าทำสัญญาฉบับนี้โดยอาศัยคำรับรองใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกรวมไว้โดยชัดแจ้งในสัญญานี้
21. เหตุสุดวิสัย (Force Majeure)
ข้อยกเว้นในการไม่ปฏิบัติตามสัญญา คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อความล่าช้าหรือการไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สัญญาฉบับนี้ อันเนื่องมาจากเหตุใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยสมควรของฝ่ายนั้น เหตุเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:
21.1 ภัยธรรมชาติ (เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ)
21.2 สงคราม
21.3 การจลาจล
21.4 การกระทำอันเป็นอันตรายหรือสร้างความเสียหายโดยเจตนา
21.5 ไฟไหม้
21.6 การกระทำของหน่วยงานรัฐบาลใด ๆ
21.7 ความล้มเหลวของระบบไฟฟ้าสาธารณะ
21.8 การนัดหยุดงาน
21.9 การปิดงาน (Lock-out)
21.10 ข้อพิพาทแรงงาน หรือการคาดหมายว่าจะเกิดข้อพิพาทแรงงาน (ไม่ว่าการแก้ไขปัญหานั้นจะอยู่ในอำนาจของฝ่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม)
22. ประกาศแจ้งเตือน (Notice Provisions)
22.1 วิธีการสื่อสาร
การแจ้งเตือนทั้งหมดภายใต้สัญญาฉบับนี้ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร
22.2 การส่งมอบการแจ้งเตือน
การแจ้งเตือนจะถือว่าได้ส่งอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
22.2.1 เมื่อมีการจัดส่งโดยผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุหรือบริการส่งสาร (รวมถึงไปรษณีย์ลงทะเบียน) ในช่วงเวลาทำการปกติของผู้รับ
22.2.2 เมื่อมีการส่งผ่านโทรสารหรืออีเมล โดยมีเงื่อนไขว่าไม่มีรายงานความล้มเหลวในการส่งหรือไม่มีใบตอบกลับที่ระบุว่าการส่งไม่สำเร็จ
22.2.3 ในวันที่ทำการลำดับที่ห้าหลังจากวันที่ส่งทางไปรษณีย์
22.3 ในทุกกรณี การแจ้งเตือนจะต้องถูกส่งไปยังที่อยู่ อีเมล หรือหมายเลขโทรสารล่าสุดที่อีกฝ่ายได้แจ้งไว้
23. การบรรจุภาคผนวกเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
บทบัญญัติทั้งหมดที่อยู่ในภาคผนวกซึ่งแนบมากับสัญญาฉบับนี้ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้โดยสมบูรณ์ และมีผลผูกพันและมีผลบังคับเช่นเดียวกับที่ได้ระบุไว้โดยตรงภายในสัญญานี้
24. การแบ่งแยกความไม่ชอบด้วยกฎหมายของข้อสัญญา
หากมีข้อกำหนดใดในสัญญาฉบับนี้ถูกพิจารณาว่าขัดต่อกฎหมาย เป็นโมฆะ หรือไม่อาจบังคับใช้ได้ตามกฎหมายหรือคำพิพากษาของศาล ข้อกำหนดดังกล่าวให้ถูกตัดออกจากสัญญานี้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้ข้อกำหนดนั้นไม่ก่อให้เกิดผลบังคับ โดยไม่กระทบต่อข้อกำหนดอื่น ๆ ของสัญญา สัญญาที่เหลือทั้งหมดยังคงมีผลใช้บังคับและมีความสมบูรณ์ตามเดิม
25. ผลผูกพันและผู้รับช่วงสิทธิ
25.1 ผลผูกพันต่อผู้รับช่วงและผู้รับโอนสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมาย
สัญญาฉบับนี้ให้มีผลผูกพันและก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์แก่คู่สัญญาแต่ละฝ่าย รวมถึงผู้รับช่วงสิทธิและผู้รับโอนสิทธิที่ได้รับอนุญาตตามสัญญานี้ ทุกการอ้างอิงถึง “คู่สัญญา” ภายใต้สัญญานี้ ให้หมายรวมถึงผู้รับช่วงสิทธิและผู้รับโอนสิทธิที่ได้รับอนุญาตดังกล่าวด้วย
25.2 การระบุผู้รับช่วงสิทธิ
เพื่อวัตถุประสงค์ของสัญญานี้ การอ้างอิงถึง “คู่สัญญา” ให้หมายรวมถึง:
25.2.1 บุคคลใดก็ตามที่ได้รับสิทธิของคู่สัญญานั้นภายใต้สัญญานี้ (หรือส่วนได้เสียในสิทธิดังกล่าว) ผ่านการโอนสิทธิ การเปลี่ยนตัวลูกหนี้/เจ้าหนี้ (Novation) หรือด้วยวิธีการทางกฎหมายอื่นใด
25.2.2 ผู้ดูแลทรัพย์สิน ผู้ชำระบัญชี หรือผู้แทนทางกฎหมายอื่นใดที่มีสิทธิใช้สิทธิตามสัญญานี้แทนคู่สัญญา
25.3 การโอนสิทธิในกรณีการปรับโครงสร้างองค์กร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอ้างอิงดังกล่าวให้รวมถึงบุคคลใดก็ตามที่สิทธิ (หรือส่วนได้เสียในสิทธิ) ถูกโอนหรือส่งมอบให้โดยผลของการควบรวมกิจการ การแยกบริษัท การปรับโครงสร้าง หรือการจัดองค์กรรูปแบบอื่นที่เกี่ยวข้องกับคู่สัญญานั้น ทั้งนี้ การอ้างอิงถึงสิทธิของคู่สัญญาตามสัญญาฉบับนี้ให้รวมถึงสิทธิในลักษณะเดียวกันที่บุคคลอื่นได้รับผ่านการทำสัญญาเปลี่ยนตัวคู่สัญญา (Novation) ด้วย
26. การสละสิทธิและการแบ่งแยกข้อสัญญา
26.1 การไม่สละสิทธิจากการผ่อนผัน
การที่คู่สัญญาฝ่ายใดล่าช้า เพิกเฉย หรือผ่อนปรนในการบังคับใช้ข้อกำหนดใด ๆ ตามสัญญานี้ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง จะไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิ และจะไม่กระทบหรือทำให้สิทธิใด ๆ ตามสัญญานี้เสียไป
26.2 สิทธิและเยียวยาเป็นไปโดยสะสม
สิทธิ อำนาจ หรือวิธีการเยียวยาใด ๆ ที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้รับหรือสงวนไว้ตามสัญญานี้ มิใช่สิทธิ อำนาจ หรือวิธีการเยียวยาแต่เพียงอย่างเดียว คู่สัญญายังคงมีสิทธิ อำนาจ หรือวิธีการเยียวยาอื่น ๆ ที่กฎหมายหรือสัญญานี้เปิดให้ใช้ได้เพิ่มเติม
27. ฉบับคู่สัญญา
สัญญาฉบับนี้อาจได้รับการลงนามในหลายฉบับ แต่ละฉบับให้ถือว่าเป็นต้นฉบับทุกประการ และเมื่อรวมกันแล้วให้ถือว่าเป็นสัญญาฉบับเดียวกัน
28. ความเคร่งครัดในกำหนดเวลา
การปฏิบัติตามกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด — ระยะเวลา วันที่ หรือช่วงเวลาใด ๆ ที่ระบุไว้ในสัญญานี้ หรือที่คู่สัญญาตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง ให้ถือว่าเป็นสาระสำคัญของสัญญา
29. สิทธิในการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหนี้สินต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดจากสัญญานี้หรือเหตุอื่นใด และไม่ว่าจะเป็นหนี้จำนวนที่กำหนดแน่นอนแล้วหรือจำนวนที่ยังไม่กำหนดแน่นอน แต่ละฝ่ายมีสิทธิในการหักกลบลบหนี้จำนวนดังกล่าวกับจำนวนเงินใด ๆ ที่ตนต้องชำระให้อีกฝ่ายหนึ่งตามสัญญานี้
30. สิทธิของบุคคลภายนอก
การไม่ให้สิทธิแก่บุคคลภายนอก
31. การระงับข้อพิพาท
31.1 การแจ้งข้อพิพาท
เพื่อวัตถุประสงค์ของข้อ 31 นี้ ให้ถือว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร (ไม่นับรวมอีเมล) แจ้งต่ออีกฝ่ายหนึ่ง โดยระบุลักษณะและสาระของข้อพิพาทอย่างชัดเจน
31.2 กระบวนการระงับข้อพิพาท
31.2.1 ข้อขัดแย้งใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญาอันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาฉบับนี้ ให้ได้รับการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการดังต่อไปนี้
31.2.1.1 ภายในเจ็ด (7) วันนับจากวันที่มีการแจ้งข้อพิพาท ตัวแทนของทั้งสองฝ่ายจะต้องประชุมร่วมกันเพื่อพยายามหาข้อยุติโดยความตกลงร่วมกัน
31.2.1.2 หากตัวแทนชุดแรกไม่สามารถตกลงกันได้ ให้กรรมการหรือหุ้นส่วนของแต่ละฝ่ายจัดประชุมร่วมกันภายในเจ็ด (7) วันถัดมา เพื่อพยายามหาข้อยุติโดยความตกลงร่วมกัน
31.2.1.3 หากข้อพิพาทยังไม่สามารถระงับได้ และลักษณะของข้อพิพาทเป็นเรื่องทางเทคนิคเกี่ยวกับการทำงานหรือความสามารถของซอฟต์แวร์ หรือเรื่องอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยเป็นที่สุด ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวต้องได้รับการเสนอชื่อร่วมกันโดยทั้งสองฝ่าย หากไม่มีการเสนอชื่อร่วมภายในสิบสี่ (14) วันนับจากวันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ อีกฝ่ายหนึ่งให้ประธานสมาคม British Computer Society ทำการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญตามคำร้องขอของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษา ไม่ใช่อนุญาโตตุลาการ และคำวินิจฉัยของผู้เชี่ยวชาญ (ยกเว้นกรณีมีข้อผิดพลาดทางเอกสารหรือข้อผิดพลาดที่เห็นได้ชัด) ให้ถือเป็นที่สุดและมีผลผูกพันทั้งสองฝ่าย ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องให้ทั้งสองฝ่ายรับผิดชอบคนละครึ่ง เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าการกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเหตุให้ฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
31.2.2 ในกรณีอื่นนอกเหนือจากที่ระบุในข้อ 31.2.1 หากข้อพิพาทยังคงไม่สามารถระงับได้ ให้ส่งเรื่องเพื่อพิจารณาวินิจฉัยโดยศาลยุติธรรมสูงสุดในประเทศไทยตามกฎหมายไทย คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงยอมรับเขตอำนาจศาลดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวเพื่อวัตถุประสงค์นี้